30 ปีก่อน มูลนิธิยุวพัฒน์ได้เริ่มต้นช่วยเหลือเด็กและเยาวชนขาดโอกาส จากงานสนับสนุนทุนการศึกษา ด้วยความเชื่อว่า การศึกษาคือรากฐานของการพัฒนา และเด็กไทยทุกนควรได้รับโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ ปัจจุบันมูลนิธิยุวพัฒน์ได้ขยายบทบาทการเป็นตัวกลาง เชื่อมต่อความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายและภาคส่วนต่างๆ เพื่อช่วยเหลือเด็กและเยาวชนขาดโอกาสในมิติอื่นๆ เพิ่มขึ้น ได้แก่ พัฒนาศักยภาพเด็กปฐมวัย ดูแลภาวะโภชนาการ พัฒนาเครื่องมือการเรียนการสอนในโรงเรียน เสริมสร้างทักษะชีวิต รวมถึงการสร้างคนดีเพื่อเติบโตเป็นกำลังสำคัญกับประเทศ
เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปี มูลนิธิยุวพัฒน์ เชิญชวนภาคีทั้งภาครัฐและภาคเอกชนมาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองการทำงาน และแนวทางความร่วมมือที่จะช่วยเหลือเด็กขาดโอกาส โดยมีภาคีร่วมจัดงานคือ โครงการพัฒนาเด็กปฐมวัยแบบบูรณาการโดยยึดเด็กเป็นศูนย์กลาง (ICAP) โครงการฟู้ด ฟอร์ กู๊ด, Learn Education ห้องเรียนดิจิทัลวิทย์–คณิต, a-chieve การพัฒนาครูแนะแนวรุ่นใหม่และเครื่องมือที่ช่วยให้เด็กไทยออกแบบชีวิตตนเองได้, Winner English ห้องเรียนดิจิทัลวิชาภาษาอังกฤษ, Teach for Thailand ครูผู้นำการเปลี่ยนแปลง, โครงการพัฒนาโรงเรียนคุณธรรม และ โครงการร้านปันกัน
คุณวิเชียร พงศธร ประธานกรรมการมูลนิธิยุวพัฒน์ เล่าว่า “เป้าหมายสูงสุดของมูลนิธิยุวพัฒน์ คือ การสร้างความร่วมมือ เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ ลดความเหลื่อมล้ำของระบบการศึกษา เพื่อให้เด็กขาดโอกาสได้เรียนหนังสือ ได้รับการดูแลรอบด้าน มูลนิธิยุวพัฒน์จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมต่อความร่วมมือจากภาคี พัฒนาเครื่องมือต่างๆ ที่มีการบริหารจัดการที่เป็นระบบ เพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วมได้ตามความถนัด
ความร่วมมือของภาคเอกชนเพื่อพัฒนาเด็กและเยาวชนขาดโอกาส
คุณแม่ทัพ ต. สุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาฟเตอร์ ยู จำกัด (มหาชน) เล่าว่า ได้เริ่มต้นจากแคมเปญ Limited Education จำหน่ายขนมปังเนยสด และสะกดผิดเป็น “ขนมปังเนยโสด” สร้างความตระหนักปัญหาของเด็กไทยที่อ่านเขียนไม่ได้ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก และมีแคมเปญต่อเนื่อง เป็นการทำงานช่วยเหลือสังคมที่เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจ และทีมงานก็ร่วมพัฒนาโปรเจกต์กับยุวพัฒน์เป็นการทำงานแบบร่วมกันคิด ร่วมกันทำ เพราะหากเราสามารถพัฒนาคนให้มีคุณภาพ ภาคเอกชนก็จะได้คนที่มีคุณภาพ ช่วยทำให้ธุรกิจเจริญเติบโตและก้าวหน้าไปอย่างยั่งยืน
คุณสุจารี ตามครองชัย ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและเทคโนโลยี บริษัท อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส จำกัด ได้ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์สำคัญกับ FOOD FOR GOOD ขับเคลื่อนงานเพื่อโภชนาการเด็กไทย โดยตั้งต้นจากการทำความเข้าใจปัญหาและพัฒนาแคมเปญ โดยใช้ความถนัดขององค์กร มาพัฒนานวัตกรรม สร้างแอพพลิเคชั่นติดตามภาวะโภชนาการเด็ก และแคมเปญการระดมทุนผ่านบัตรเครดิต สร้างการมีส่วนร่วมกับกลุ่มลูกค้าของกรุงศรีคอนซูมเมอร์ ซึ่งสิ่งสำคัญคือ การได้แบ่งปันองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญของแต่ละองค์กรเพื่อสร้างสังคมให้ดีขึ้น และตรงกับแนวคิดองค์กรในการดำเนินธุรกิจควบคู่กับการดูแลด้านสังคม สิ่งแวดล้อม และการมีธรรมาภิบาล (ESG)
คุณวุฒิ วิพันธ์พงษ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารความยั่งยืนทางธุรกิจและสิ่งแวดล้อม บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) เราให้ความสนใจกับกิจกรรมกับปันกัน เพราะเห็นว่าทางปันกันมีกระบวนการทำงานที่เข้มแข็ง ทำให้เราสร้างความร่วมมือได้อย่างรวดเร็ว และเป้าหมายการระดมทุนของปันกันก็ตรงกับ AssetWise ที่ให้ความสำคัญกับด้านการศึกษา นอกจากนี้การให้พื้นที่ตั้งกล่องปันกัน ก็เป็นการสร้างความสุขให้กับลูกบ้าน พนักงาน ที่ได้ร่วมแบ่งปันสิ่งของ และยังเป็นการช่วยด้านสิ่งแวดล้อม ในการลดปริมาณขยะจากสิ่งของสภาพดีที่ตนไม่ได้ใช้แล้ว จึงเป็นโมเดลที่สมบูรณ์ทั้งด้านสังคม สิ่งแวดล้อม และธุรกิจ
ความร่วมมือจากภาครัฐ พร้อมเชื่อมต่อการทำงานกับทุกภาคส่วน
ภายในงาน ยังมีภาครัฐที่มาร่วมสะท้อนมุมมองของการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและเห็นตรงกันว่าต้องสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคสังคม โดยสภาการศึกษา และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
คุณสุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการสภาการศึกษา มองว่า ภาครัฐให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาเด็กหลุดระบบการศึกษามาโดยตลอด มีโครงการเพื่อสนับสนุนเด็กมากมาย เช่น โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจครอบครัวยากจน 2,000 บาทในสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา โครงการเรียนสายอาชีวศึกษาเพื่อให้เด็กได้ทำงาน มีอาชีพ และมีรายได้ระหว่างเรียน โครงการเด็ก 1 คน 1 ชุมชนดูแล ให้คนที่มีศักยภาพในชุมชน มีความพร้อมที่จะพัฒนาการศึกษาต่อไปในอนาคต และอีกมากมาย แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อจำนวนเด็กขาดโอกาสที่มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การสร้างความร่วมมือให้ภาคส่วนอื่นเข้ามาช่วยเหลือจึงมีความสำคัญ
คุณพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการ สพฐ. เล่าถึงบทบาทของ สพฐ. ว่าเด็กทั่วประเทศอยู่ในความดูแลของ สพฐ. จำนวน 6 ล้านคน 30,000 โรงเรียน ขณะที่เด็กไทยเข้าไม่ถึงการศึกษา และตกหล่นราว 70,000 คน การแก้ปัญหาการศึกษาจึงจำเป็นต้องเชื่อมโยงกับหน่วยงานที่มีความพร้อมและสนับสนุนการทำงาน เพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาไปด้วยกัน