DCSรับมือภัยไซเบอร์

DCS รับมือ…ภัยไซเบอร์

DCSรับมือภัยไซเบอร์

DCS รับมือ...ภัยไซเบอร์
ด้วยการเข้าถึงระบบอย่างปลอดภัย

ดีซีเอส ร่วมกับ เอ็กคลูซีฟ เน็ตเวิร์คส์ และ พาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ ผู้นำระดับโลกด้านระบบรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ จัดสัมมนาเพื่อแนะนำและสร้างความตระหนักให้ทุกองค์กรเข้าสู่ Zero Trust Network Access 2.0 (ZTNA 2.0)  ซึ่งถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานยุคใหม่ ของการเข้าถึงระบบอย่างปลอดภัย 

โดย ZTNA ได้พัฒนาขึ้นเพื่อทดแทนเครือข่ายส่วนตัวแบบเสมือน (VPN) เหตุเพราะไม่สามารถขยายขอบเขตบริการได้เพียงพอและยังให้สิทธิ์ที่มากเกินจำเป็น บวกกับผลิตภัณฑ์ ZTNA 1.0 ยังมีความไว้วางใจมากเกินไป ส่งผลให้ผู้ใช้งานเกิดความเสี่ยงในท้ายที่สุด ซึ่งปัญหาเหล่านี้ได้ถูกแก้ไขใน ZTNA 2.0 โดยได้ยกเลิกการตั้งค่าความไว้วางใจโดยปริยายเพื่อให้มั่นใจได้ว่าองค์กรจะมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเพียงพอ

ด้วย ZTNA 2.0 เช่น Prisma® Access จากพาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ จะช่วยให้องค์กรพร้อมรับมือกับความท้าทายเรื่องความปลอดภัยไซเบอร์ ทั้งในด้านแอพพลิเคชันยุคใหม่ ภัยคุกคาม และบุคลากรที่ทำงานแบบไฮบริด 

ZTNA 2.0 มาพร้อมคุณสมบัติหลักที่สำคัญดังต่อไปนี้

  • สิทธิ์การเข้าถึงน้อยสุดเท่าที่จำเป็น (Least-privileged access)
  • การยืนยันความไว้วางใจอย่างต่อเนื่อง (Continuous trust verification)
  • การตรวจสอบความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง (Continuous security inspection)
  • ปกป้องข้อมูลทั้งหมด (Protection of all data)
  • รักษาความปลอดภัยให้กับทุกแอปพลิเคชัน (Security for all applications) ปัจจุบัน Prisma Access เป็นโซลูชันเดียวในอุตสาหกรรมที่ผ่านข้อกำหนดของ ZTNA 2.0 ในวันนี้

DCS ผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์และบริการด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศแบบครบวงจร พร้อมให้คำปรึกษาด้านระบบรักษาความปลอดภัยให้กับองค์กรชั้นนำ รับมือ…ภัยไซเบอร์ 

สนใจข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ : คุณสุชาดา เหมประชิตชัย (หลิน) Email : Suchada.h@dcs.premier.co.th

Raya Creative Keys

Raya Creative Keys ครีเอทีฟเอเจนซี่ ธุรกิจใหม่จาก PRH

Raya Creative Keys

ส่งต่อคุณค่าภูมิปัญญาของชุมชน
สู่งานออกแบบ และให้คำปรึกษาเพื่อพัฒนาธุรกิจครบวงจร
กับ Raya Creative Keys ครีเอทีฟเอเจนซี่ ธุรกิจใหม่จาก PRH

หลายท่านได้สัมผัสประสบการณ์การดื่มกาแฟที่ร้านMivana Flagship Store” ที่นอกจากความอร่อยของกาแฟ และเครื่องดื่ม สิ่งที่โดดเด่นก็คือการตกแต่งพื้นที่ร้านด้วยความประณีตบรรจงและลงตัว ทั้งเฟอร์นิเจอร์ โคมไฟ และต้นไม้โดยรอบ ที่สำคัญคือการออกแบบวิธีการสื่อสารอย่างกลมกลืนในการเชื่อมต่อร้านกาแฟกับพื้นที่เพาะปลูกกาแฟที่ป่าต้นน้ำจ.เชียงราย ที่สร้างความตระหนักให้ผู้บริโภคได้รับรู้ถึงการร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม  รวมถึง“Home Cuisine” ผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็ง ที่ทั้งอร่อยและเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบัน  

เบื้องหลังวิธีคิดและการออกแบบของทั้งสองโครงการนี้เป็นฝีมือของRaya Creative Keys  ครีเอทีฟเอเจนซี่ ธุรกิจน้องใหม่ของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจโรงแรม ที่เริ่มเปิดบริการให้สายธุรกิจในกลุ่มบริษัทพรีเมียร์และลูกค้าทั่วไป ทั้งงานออกแบบอสังหาริมทรัพย์ การออกแบบผลิตภัณฑ์และงานดีไซน์ที่หลากหลาย

คุณทิพย์ชยา พงศธร  กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มธุรกิจโรงแรม   คุณชุติมา เรืองฤทธิ์ราวี  ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ สายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มธุรกิจโรงแรม และคุณพุฒิเศรษฐ์ จันทร์ศิลา General Manager, The Botanical House จะมาบอกเล่าเรื่องราวของ Raya Creative Keys  

เพิ่มศักยภาพของพนักงานที่มาและจุดเริ่มต้น

คุณชุติมา เล่าถึงที่มาว่าเรามีการส่งเสริมพัฒนาพนักงานโดยตลอด หนึ่งในนั้นคือการทำ Cross training ให้พนักงานในธุรกิจโรงแรมทั้ง 3 แห่งได้หมุนเวียนเปลี่ยนพื้นที่การทำงาน เปิดมุมมองให้กว้างขึ้น และ ได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่แตกต่างจากงานประจำในทุกวัน เป็นหลักคิดที่เรานำพนักงานเป็นที่ตั้ง ว่าเราจะต้องส่งเสริมให้พนักงานมีคุณภาพ มีความรู้และประสบการณ์การทำงานที่กว้างมากขึ้ เป็นจุดเริ่มต้นว่าธุรกิจที่จะพัฒนาขึ้นนั้น  จะเกิดประโยชน์กับพนักงานให้เขาได้ฝึกฝนและมีความรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ  และ การพัฒนาธุรกิจนั้นสร้างรายได้ให้กับองค์กรอย่างยั่งยืน ส่งเสริมชุมชนและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ที่เราไปดำเนินการ และ ร่วมมือ กับ partners ที่มีจุดยืนและวิสัยทัศน์ เช่นเดียวกัน

คุณทิพย์ชยา เสริมในรายละเอียดว่าเราได้ริเริ่มคิดว่าจะพัฒนาศักยภาพพนักงาน ให้ได้เปิดหูเปิดตา ได้จับงานใหม่ๆ มากขึ้น เรามองเห็นว่าพนักงานสามารถนำประสบการณ์ทำงาน ไปพัฒนาโครงการให้กับธุรกิจในกลุ่มบริษัทพรีเมียร์ได้  ประกอบกับช่วงโควิดที่ธุรกิจโรงแรมไม่ค่อยยุ่งนัก จึงนำคนของเราไปรับโปรเจกต์ใหม่ๆ ทั้งภายในและภายนอกองค์กร เป็นการทำงานแบบ On the job training  ซึ่งพนักงานก็ได้ใช้ความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ซึ่งเป็นหนึ่งในคุณค่าหลักขององค์กรในการฝึกปฏิบัติลงมือทำงานจริงๆ  ก็พบว่าทุกคนดีใจที่ได้จับงานใหม่ๆ ได้พัฒนาทักษะความสามารถของตัวเองเพิ่มขึ้นจากงานประจำ ได้ลองสร้างสรรค์งานใหม่ๆ ที่แตกต่างจากเดิม รวมถึงก็เป็นการเพิ่มทักษะการบริหารจัดการเวลา ด้วยความรับผิดชอบที่เพิ่มมากขึ้น จากงานประจำในธุรกิจหลักของ PRH ด้วยเช่นกัน ซึ่งเราก็รับงานมาเรื่อยๆ ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาจนเกิดเป็นรูปเป็นร่างที่จะพัฒนาเป็นธุรกิจใหม่นี้ขึ้น

ความโดดเด่นของ Raya Creative Keys

คุณทิพย์ชยา เล่าต่อว่า “Raya Creative Keys จะเป็นครีเอทีพเอเจนซี่ที่รับงาน 3 ประเภทหลัก คือ  1. งานพัฒนาโครงการที่เป็น Turnkey ในสายธุรกิจโรงแรมและธุรกิจร้านอาหาร คือ รับทำตั้งแต่การวางแบรนด์คอนเซปต์ การออกแบบและบริหารโครงโครงการก่อสร้าง ดูแลงบประมาณ การจัดซื้อจัดจ้าง รวมไปถึงการจัดงานเปิดตัว การฝึกอบรมพนักงานก่อนที่เปิดดำเนินการ และรับงานบริหารจัดการต่อเนื่องอีกด้วย  งานประเภทที่ 2 คือ งานออกแบบดีไซน์ เป็นโปรเจกต์สนุกๆ ซึ่งมีหลากหลาย ทั้งการพัฒนาออกแบบผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ การออกแบบสื่อสิงพิมพ์ รวมถึงธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม จะเป็นงานออกแบบประสบการณ์ความพึงพอใจที่ผู้บริโภคจะได้รับ (Experience Design)  ซึ่งต้องผ่านการคิดและออกแบบประสบการณ์ที่ลูกค้าจะได้รับตั้งแต่เดินเข้ามาในสถานที่นั้นๆ ครอบคลุมทั้งอาหารและเครื่องดื่ม การแต่งกายของพนักงาน รวมถึงการบริการ บรรยากาศภายในร้านทั้งเสียงดนตรี กลิ่นสัมผัสทุกองค์ประกอบ เป็นงานที่เรามีความเชี่ยวชาญและได้ฝากฝีมือกับร้านกาแฟ Mivana Flagship Store ที่ศรีนครินทร์และทำงานต่อเนื่องร่วมกับมีวนา เตรียมจะเปิดอีก 1 สาขาภายในกลางปีนี้  และส่วนสุดท้ายคือเราต้องการถ่ายทอดเรื่องราวศิลปวัฒนธรรมไทยและการเชื่อมต่อกับชุมชน ที่เรามองไปถึงการจัดนิทรรศการ การโปรโมทศิลปะวัฒนธรรมท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์และโดดเด่น 

คุณพุฒิเศรษฐ์ ได้มารับหน้าที่บริหารจัดการโปรเจกต์ต่างๆใน Raya Creative Keys เสริมว่า หากให้นิยามตัวตนของ Raya Creative Keys  เราก็คือ บริษัทไทยที่มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจโรงแรม และการบริการที่ครบวงจรมาอย่างยาวนาน สิ่งที่เราต้องการส่งต่อให้กับลูกค้าคือ ภูมิปัญญาของชุมชน ผ่าน 3 แกนหลัก คือ การหล่อเลี้ยงคุณค่าของศิลปะวัฒนธรรมไทย (nurturing the value of Thai culture and heritage art) การผสานและเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ (enhancing the strong relationship with nature) และการสร้างการมีส่วนร่วมและพัฒนาชุมชน (initiating community engagement) ดังนั้นไม่ว่าเราจะรับงานประเภทใดก็ตาม เราก็ต้องไม่ลืมตัวตนของเรา และส่งต่อสิ่งเหล่านี้ด้วยคุณภาพและความคิดสร้างสรรค์ให้กับลูกค้าเพื่อให้งานสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

คุณรินเสริมว่า เป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นที่ลูกค้าภายนอกตอบรับและให้ความสนใจ Raya Creative Keys ด้วยความแตกต่างของเราในเรื่องศิลปะวัฒนธรรม การอนุรักษ์ธรรมชาติ ความยั่งยืน และเห็นความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยการเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติของโรงแรมทั้ง 3 แห่งที่เราดำเนินการอยู่ ซึ่งเหล่านี้เป็นจุดที่คนให้ความใส่ใจมากขึ้น ผู้คนต้องการสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจ มีความโดดเด่นแตกต่าง และคำนึงถึงความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งลูกค้าที่มาร่วมงานกับเราก็จะเป็นกลุ่มคนที่คำนึงถึงความยั่งยืนเช่นเดียวกับแนวปฏิบัติของกลุ่มบริษัทพรีเมียร์จริงๆ 

 กระบวนการค้นหาความต้องการของลูกค้าสิ่งสำคัญลำดับแรกเมื่อเริ่มต้นงาน

ในส่วนของการพัฒนางานร่วมกับลูกค้านั้น พี่ต๋อยได้อธิบายว่า ในขั้นตอนแรกนั้นการวางแผนงานและกระบวนการค้นหาความต้องการว่าสิ่งที่ลูกค้าต้องการนั้นคืออะไร ซึ่งการได้มาของข้อมูลที่แท้จริงจะมาจากประสบการณ์ที่เราได้ทำงานกับลูกค้าหลากหลาย เพราะฉะนั้นก่อนเริ่มงาน เราต้องอ่านลูกค้าให้ออกว่าเขาต้องการอะไร และจับทิศทางให้ได้ เราก็เปรียบเสมือนนักขาย ที่ต้องเรียนรู้ทุกอย่าง ต้องเข้าไปนั่งอยู่ในใจของลูกค้าให้ได้ หากเราทำการบ้านส่วนนี้ได้ชัดเจน ก็เปรียบเสมือนแผนงานสำเร็จไปแล้ว 70% หลังจากนั้นการทำงานตามขั้นตอนในทุกรายละเอียดก็จะดำเนินไปได้ตามเป้าหมาย พี่จะบอกน้องในทีมเสมอว่าไม่ว่าจะเป็นลูกค้าในสายธุรกิจของเราเองหรือลูกค้าภายนอก ทุกคนต้องใช้ความพยายาม ทุ่มเทในการทำงาน 100 % เต็มเสมอ 

ทีมเวิร์ค การสื่อสารระหว่างกันช่วยผลักดันให้งานสำเร็จ

หากจะพูดถึงจุดแข็งของทีม คุณรินและคุณเต้กล่าวตรงกัน ว่าการสื่อสาร การพูดคุยกับทีมตลอดเวลา ด้วยขนาดของทีมที่ไม่ใหญ่มาก ทำให้เราสนับสนุนกันได้ทุกเรื่อง ก่อนที่จะรับงานก็จะหารือกันก่อนว่าเหมาะสมหรือไม่ จัด Balance ระหว่างงานประจำกับงานโปรเจกต์ เพื่อให้มีเวลาในการคิดสร้างสรรค์งานได้อย่างมีคุณภาพและเสร็จตรงตามเวลาที่กำหนด โดยคุณเต้จะเป็นผู้ดูแลโปรเจกต์ ดูแลน้องในทีม ให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการทำงานที่เป็นระบบ สื่อสารระหว่างกันในทีมตลอดเวลา ทั้งทีมดีไซน์, ทีม Stylist, ทีม Food & Beverage รวมถึงทีม Sale & Marketing ทุกคนต้องผสานความร่วมมือกันเพื่อให้งานเสร็จตามเป้าหมาย 

คุณเต้บอกกับเราว่าทุกวันนี้มีความสุข และสนุกกับการทำงานมาก มีโปรเจกต์ใหม่ๆ เข้ามาให้เราได้เรียนรู้อย่างหลากหลายมากขึ้น ได้พัฒนาทักษะของตัวเองเรื่อง People Management รวมถึง Project Management มากขึ้น และน้องในทีมก็ได้พัฒนาทักษะ เติบโตไปพร้อมกับเรา เป็นสิ่งที่ดีมากๆ 

คุณรินเล่าถึงโปรเจกต์ที่กำลังดำเนินการอยู่ในปัจจุบันว่า นอกจากร้านกาแฟมีวนาแล้ว ในกลุ่มบริษัทพรีเมียร์เราได้ร่วมพัฒนาแบรนด์Home Cuisineผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็ง ของ PFP  ตั้งแต่การคิดเมนู การพัฒนาสูตรอาหาร การออกแบบบรรจุภัณฑ์และการตลาด รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารแมวCat Atlasของ PCI ทีมได้ดูแลการปรับดีไซน์บรรจุภัณฑ์และวางแผนการตลาด ส่วนลูกค้าภายนอกก็มีทั้งโปรเจกต์โรงแรมในกรุงเทพฯ และการออกแบบตกแต่งที่พักอาศัยให้กับลูกค้าที่ชอบสไตล์ของรายาวดี ซึ่งแต่ละโปรเจกต์ก็มีความยากง่ายแตกต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือเราต้องมีการทำงานสื่อสารกับลูกค้า ทำความเข้าใจลูกค้าให้ชัดเจนว่าสิ่งที่เขาต้องการคืออะไร และการบริหารความคาดหวังที่ต้องทำงานให้ตอบโจทย์เป้าหมายของลูกค้าให้ดีที่สุด

คุณเต้ สรุปตอนท้ายว่าในการทำงานเชื่อว่าทุกอย่างมีความท้าทาย งานทุกโปรเจกต์มีความยากง่ายและปัญหาที่ต้องพบแตกต่างกัน เป็นสิ่งที่ได้เรียนรู้ใหม่ๆ ตลอดเวลา ผมคิดว่าทีมเวิร์คเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ต้องปรึกษากันตลอดเวลา เพื่อช่วยกันผ่านปัญหาและสิ่งที่เจอในทุกจุดให้ผ่านไปได้และลูกค้าก็ได้รับความพึงพอใจ รวมไปถึงน้องในทีมก็ต้องได้มีการพัฒนาศักยภาพในการทำงานด้วยงานที่หลากหลายด้วยเช่นกัน

Key Learning

  • โอกาสทางธุรกิจ เกิดขึ้นได้เสมอ ต้องเตรียมพร้อมและพัฒนาตัวเองตลอดเวลา
  • การปรับสภาพแวดล้อม  การริเริ่มทำสิ่งใหม่ เป็นหนึ่งในวิธีการพัฒนาศักยภาพพนักงาน
  • การผสานความรู้ ความร่วมมือและการสื่อสาร เป็นสิ่งสำคัญช่วยให้ทีมมีประสิทธิภาพในการทำงาน
  • กระบวนการค้นหาความต้องการของลูกค้าให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ เป็นจุดเริ่มต้นของการทำงาน
  • การวางแผนงานอย่างละเอียดรอบคอบ เป็นปัจจัยที่ทำให้งานประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย

สายธุรกิจที่สนใจใช้บริการของ Raya Creative Keys ติดต่อที่

คุณเต้ พุฒิเศรษฐ์  อีเมล Phuttised.C@prh.premier.co.th โทร 0955311856

PM Food

การสร้างความมั่นคงทางอาหาร แผนธุรกิจสู่ความยั่งยืนของ พี.เอม.ฟูด

PM Food

การสร้างความมั่นคงทางอาหาร
แผนธุรกิจสู่ความยั่งยืนของ พี.เอม.ฟูด

ปัญหาอาหารกลางวันในโรงเรียนขาดคุณภาพ ข่าวถาดหลุมของเด็กนักเรียนในโรงเรียนที่มีแต่ข้าวและน้ำผัก ฯลฯ เป็นสิ่งที่เราเห็นจนชินตา และเป็นปัญหาหมักหมมที่เกิดขึ้นกับสังคมไทยมาต่อเนื่อง หากมองไปถึงสาเหตุนั้น ก็เกิดขึ้นทั้งจากการทุจริตงบประมาณค่าอาหารกลางวันของเด็กนักเรียน การขาดความรู้ด้านโภชนาการของครูและโรงเรียน การขาดแคลนบุคลากรที่จะทำงานดูแลด้านโภชนาการให้กับเด็ก การขาดแหล่งเพาะปลูกทางการเกษตรที่จะสร้างความยั่งยืนให้กับโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกล และอีกมากมาย ส่งผลให้เด็กไทยกว่า 2.9 ล้านคน หรือ 1 ใน 3 ของเด็กอายุ 6-14 ปี ขาดสารอาหาร ซึ่งส่งผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการทางสมองที่ไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ 

ปัญหาเหล่านี้ ฟู้ดฟอร์กู๊ด ได้ทำงานเพื่อแก้ปัญหาภาวะทุพโภชนาการในเด็ก ร่วมกับโรงเรียนในเครือข่าย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาอย่างต่อเนื่อง จนเมื่อปี 2565 ที่ผ่านมาที่ทีม ฟู้ดฟอร์กู๊ด ได้นำเสนอกระบวนการทำงานและสิ่งที่ต้องการความร่วมมือกับพนักงานและผู้บริหารจากทุกสายธุรกิจที่งานคนจริง X มูลนิธิ ร่วมสร้างสังคมดี  ร่วมกับหลายหน่วยงานในสายงานพัฒนาความยั่งยืนของสังคม จุดประกายให้คุณเก่งและทีมงานของ พี.เอม.ฟูด ผู้ผลิตปลาสวรรค์ทาโร ได้เห็นช่องทางในการร่วมสนับสนุนด้านอาหารและโภชนาการให้กับเด็กไทย และต่อยอดสู่การพัฒนาธุรกิจใหม่ในอนาคตเลยทีเดียว 

คุณเก่ง วิภาส เล่าที่มาให้เราฟังว่า พี.เอม.ฟูด เป็นบริษัทที่ผลิตปลาสวรรค์ทาโร ซึ่งเป็นขนมขบเคี้ยวที่มีโปรตีนจากเนื้อปลา เป็นขนมที่เด็กๆ ชื่นชอบและมีประโยชน์ ที่ผ่านมาบริษัทมองถึงเรื่องการสร้างความยั่งยืน ความมั่นคงทางอาหาร การจัดการและใช้ทรัพยากรให้มีความคุ้มค่ามากที่สุด มาโดยตลอด ทั้งการส่งเสริมการพัฒนาความยั่งยืนของแหล่งวัตถุดิบต้นน้ำ ที่บริษัทจะเป็นหัวขบวนในการจัดซื้อจัดหาวัตถุดิบจากแหล่งที่มีความถูกต้อง โปร่งใส ตรวจสอบแหล่งที่มาได้ รวมถึงการทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญในห่วงโซ่เพื่อใช้วัตถุดิบหรือทรัพยากรในกระบวนการผลิตให้เกิดประโยชน์สูงสุด และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จากส่วนที่เหลือในกระบวนการผลิต ที่อยู่ในกระบวนการวิจัย เช่น FISH ESSENCE รวมถึงแผนงานรีไซเคิลซองทาโรที่เป็นแผนงานระยะยาวที่ต้องการความร่วมมือขนาดใหญ่ เป็นต้น

เมื่อได้เข้าร่วมงานคนจริง เมื่อปีที่ผ่านมา และได้ฟังทีม ฟู้ดฟอร์กู๊ด เล่าถึงการทำงาน ก็เหมือนภาพที่ต่อกันติดอย่างรวดเร็ว ว่าพี.เอม.ฟูด สามารถช่วยได้จากการดำเนินธุรกิจของเราเอง จึงได้กลับมาหารือกับทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ พบว่ากระบวนการผลิตสินค้าทาโรโรล ที่ต้องมีมาตรฐานความยาว 2 เมตรพอดี เป็นคุณภาพที่เรายึดมั่นกับลูกค้าที่ต้องส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุด แต่ส่วนที่เหลือนั้น ก็เป็นวัตถุดิบที่อยู่ในกระบวนการผลิต ที่ยังมีสารอาหารครบถ้วน  เราสามารถที่จะดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์เสริมสร้างโปรตีนให้กับเด็กๆได้ เป็นการทำงานไม่เพียงแค่ตอบโจทย์ทางธุรกิจ แต่ยังช่วยลดต้นทุนด้านการจัดการของเสียอีกด้วย สอดคล้องกับแนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และใช้ความเชี่ยวชาญที่เรามีเพื่อไปช่วยแก้ปัญหาสังคม เป็นส่วนหนึ่งของแผนงานการพัฒนาธุรกิจสู่ความยั่งยืน ที่จะดำเนินการในปี 2566 นี้ 

คุณปูน้อย จิตราภรณ์ โสวภาส ผู้จัดการฝ่ายประกันคุณภาพ เล่าว่าจากที่ได้ฟังคุณวิเชียรนำเสนอในประชุมใหญ่พนักงาน (งาน TOWNHALL)  ประโยคที่ว่าเราจะต้องนำธุระของสังคมมาเป็นเรื่องของเรา เราต้องไม่นิ่งดูดายกับปัญหาจุดประกายให้เราอยากมีส่วนร่วมในงานภาคสังคมมากกว่าการบริจาค และการทำงานของเราก็สอดคล้องกับฟู้ดฟอร์กู๊ด ด้านอาหารและโภชนาการที่ดีอยู่แล้ว จึงได้ร่วมกันคิดและพัฒนากับทีม ในการใช้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ในกระบวนการผลิต มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสนับสนุนโภชนาการที่ดีของเด็กนักเรียน   ซึ่งการใช้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ในกระบวนการผลิต เป็นงานที่เราเชี่ยวชาญ โดยไม่ต้องเพิ่มต้นทุนในการผลิตหรือเพิ่มเครื่องจักร เพียงเพิ่มกำลังคนในการดำเนินการเพียงเล็กน้อยก็สามารถสร้างประโยชน์ ให้เด็กที่จะได้รับประทานอาหารที่มีโภชนาการที่ดี เติบโตสมวัยได้เท่าทวีคูณ ซึ่งเราทำงานร่วมกับฟู้ดฟอร์กู๊ด และบมจ. พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง มาตั้งแต่เดือนต.. 2565  ตอนนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาและทดลองผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ตามความต้องการของโรงเรียน 

ทว่าหลังจากที่ได้นำเสนอแผนการทำงานที่จะเข้าไปช่วยเหลือเด็กในโครงการฟู้ดฟอร์กู๊ด ทีมพี.เอม.ฟูด ก็ได้รับคำแนะนำว่าการผลิตภัณฑ์ที่ทีมได้ทดลองพัฒนาขึ้นมานี้ สามารถขยายผลเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ (New Product) ออกสู่ตลาดให้กับสายธุรกิจอุปโภคบริโภคได้ ทำให้พี.เอม.ฟูด และพรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง สามารถขยายธุรกิจจากผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยว ไปสู่ผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารได้ในอนาคต

คุณเก่ง กล่าวเพิ่มเติมว่า เป้าหมายการดำเนินธุรกิจสู่ความยั่งยืนของพี.เอม.ฟูด ในปี 2566 เรามีแผนใหญ่ๆ อยู่ 3 ด้าน คือ
การเพิมผลิตภาพการพัฒนาธุรกิจและผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าและมีความยั่งยืน  – การสร้างการมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาสังคม เรามุ่งเน้นและเอาใจใส่คุณภาพของผลิตภัณฑ์ การพัฒนาแผนการทำงานที่สร้างผลกระทบเชิงบวก และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การรีไซเคิลน้ำกลับมาใช้ การลดปริมาณของเสียจากกระบวนการผลิต และการเลือกใช้การจัดการบรรจุภัณฑ์ที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ส่วนการพัฒนาธุรกิจและผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าและมีความยั่งยืน  เป็นการลดความเสี่ยงโดยการบริหารจัดการแหล่งวัตถุดิบ ใช้ทรัพยากรให้มีความคุ้มค่ามากที่สุด และการบริหารปัจจัยเสี่ยงภายนอกที่จะกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ 

  • การเพิ่มผลิตภาพ 
  • การพัฒนาธุรกิจและผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าและมีความยั่งยืน  
  • การสร้างการมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาสังคม

คุณเก่งกล่าวสรุปในตอนท้ายว่าคุณค่าหลักเป็นที่บริษัทยึดถือในการทำงานมาโดยตลอด โดยเฉพาะเรื่องคุณภาพที่นอกจากการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพให้กับผู้บริโภค ยังมีมิติของคุณภาพของพนักงาน ที่จะต้องมีความรู้จริงในเรื่องที่จะทำ ทำงานบนพื้นฐานของข้อมูล รวมทั้งมีใจ ในความหมายคือ มีความเต็มใจ ลงมือทำ ช่วยกันเป็นทีม และพร้อมที่จะก้าวออกมาทำงานที่นอกเหนือจากงานที่รับผิดชอบ มาร่วมกับงานภาคสังคม หรืองานสร้างความร่วมมือกับทุกๆ ฝ่าย 

สิ่งนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้แผนงานสำเร็จของบริษัทตามเป้าหมายจากความร่วมมือของทุกคน รวมถึงหน่วยงานภาคสังคม บริษัทต่างๆ ที่อยู่ในห่วงโซ่คุณค่าของเรา ล้วนแต่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ หากเราเปิดโอกาสให้ตนเองได้ทำงาน  ต่อยอดสิ่งที่เราทำอยู่ให้ดีขึ้น หรือคิดสิ่งใหม่ๆที่เกิดประโยชน์ร่วมกัน จะให้เกิดผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมเพิ่มขึ้นได้อีกมาก  จากแผนงานทั้ง 3 ส่วน เรามุ่งหวังสร้างความสำเร็จทั้งในด้านธุรกิจ  พนักงานได้มีโอกาสส่งมอบคุณค่าสร้างผลลัพธ์ที่ดีต่อสังคม เป็นแบบอย่างที่ดี ให้เกิดการขยายผลต่อเนื่องในห่วงโซ่ธุรกิจ เพื่อสร้างความสำเร็จร่วมกันอย่างยั่งยืนครับ

รับมอบประกาศนียบัตรรับรอง CAC

สองบริษัทมหาชน บมจ. พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง และ บมจ. พรีเมียร์ โพรดักส์

ประกาศนียบัตรรับรอง CAC

สองบริษัทมหาชน บมจ. พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง
และ บมจ. พรีเมียร์ โพรดักส์
รับมอบประกาศนียบัตรรับรอง CAC

แนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทยหรือเรียกสั้นๆ ว่า CAC (Thai Private Sector Collective Action Against Corruption) เป็นโครงการที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2553 เพื่อเป็นกลไกให้บริษัทในประเทศไทยได้มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันร่วมกัน โดยมีวัตถุประสงค์ 3 ด้านคือ 1. สร้างการรวมตัวของธุรกิจที่ดำเนินการด้วยความโปร่งใส ปราศจากการรับจ่ายสินบน 2. การยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานที่สามารถควบคุมความเสี่ยงด้านคอร์รัปชันของภาคเอกชน 3. การร่วมกันสร้างการเปลี่ยนแปลงในการให้บริการภาครัฐเพื่อให้มีประสิทธิภาพและโปร่งใส  โดยมีบริษัทเอกชนที่เข้าร่วมเป็นสมาชิกเพื่อประกาศเจตนารมณ์กับ CAC รวมกว่า 1000 บริษัท และมีบริษัทที่ผ่านการรับรองว่ามีนโยบายและแนวปฏิบัติที่ชัดเจนเพื่อควบคุมความเสี่ยงคอร์รัปชันแล้วกว่า 470 บริษัท*

โดยในปี 2566 นี้ บริษัท พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) และบริษัท พรีเมียร์ โพรดักส์ จำกัด (มหาชน) ได้รับรองเป็นสมาชิกแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย เป็นครั้งที่ 3 โดยมี ดร. สมชาย ชุณหรัศมิ์ ที่ปรึกษา กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทพรีเมียร์และที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจมหาชน, คุณสุรเดช บุณยวัฒน ประธานกรรมการ และคุณธิติพัทธ์ อดิลักษณ์ธราดล ประธานกรรมการบริหาร บมจ. พรีเมียร์ โพรดักส์ รับมอบใบประกาศนียบัตร CAC  เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  กรุงเทพฯ  ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส และพร้อมเป็นส่วนหนึ่งของการต่อต้านคอร์รัปชัน ยึดหลักธรรมาภิบาล และคุณธรรมจริยธรรม ตามแนวปฏิบัติคุณค่าหลักของกลุ่มบริษัทพรีเมียร์

ที่มา เว็บไซต์ Thai-CAC.com

การสร้างคุณค่าเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน

การสร้างคุณค่าเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน

การสร้างคุณค่าเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน

การสร้างคุณค่าเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน
บริษัท พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน)

ปัญหาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติที่จะหมดไปจากโลกนี้ เป็นปัญหาใหญ่ต้องร่วมกันแก้ไข เราสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อช่วยลดปัญหาโลกร้อนได้ในแบบที่ตนเองถนัด เช่น การแยกขยะพลาสติกเพื่อนำกลับไปรีไซเคิล การประหยัดไฟน้ำ และใช้เท่าที่จำเป็น เป็นต้น

ในภาคธุรกิจนั้น บริษัท พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย มีการสานต่อนโยบายความสำเร็จร่วมกันอย่างยั่งยืน ในการพัฒนาประสิทธิภาพการใช้พลังงานและทรัพยากรให้คุ้มค่า เพื่อลดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม ผ่าน 4 แผนงาน

ารใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

  • ปรับเปลี่ยนขั้นตอนการขนส่งสินค้าเป็นแบบ Direct Shipment โดยตรงจาก บริษัท พี เอม ฟูด จำกัด เพื่อลดระยะทางการขนส่งจากศูนย์กระจายสินค้า 
  • ลดระยะทางการขนส่งสินค้าแบบเดิม 5,218 กิโลเมตร 
  • ลดต้นทุนในการขนส่งสินค้าได้ถึง 40%  
  • ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 2.24 tonCO2e /ปี 

การใช้พลังงานก๊าซ LNG ทดแทนก๊าซ LPG 

  • บริษัท พี เอม ฟูด จำกัด ได้ทำการศึกษา ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เพื่อทดลองและปรับเปลี่ยนการใช้พลังงานในกระบวนการผลิต จากเดิมคือก๊าซ LPG เป็นก๊าซ LNG ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่สะอาด และไม่มีฤทธิ์กัดกร่อน หากมีการรั่วไหลสู่สิ่งแวดล้อม ก๊าซจะระเหยกลายเป็นไอแพร่กระจายในอากาศโดยไม่มีสารตกค้างในน้ำหรือดิน 

การใช้พลังงานสะอาดทดแทน 

  • บริษัทพี เอม ฟูด และ บริษัท พรีเมียร์ แคนนิ่ง อินดัสตรี้ จำกัด  มีการติดตั้งแผงโซล่าร์เซลล์บนหลังคา ตั้งแต่ปี 2560  ขยายการติดตั้งจนเต็มพื้นที่หลังคาโรงงานผลิต จนถึงปี 2564 เพื่อลดการใช้น้ำมันและถ่านหินที่สร้างก๊าซพิษ ส่งผลต่อปัญหาโลกร้อน และป้องกันการประสบปัญหาภาวะขาดแคลนน้ำมันในอนาคต 
  • ผลลัพธ์ คือ กระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้ 1,604.56 MWh/ ปี ช่วยลดต้นทุนค่าไฟต่อปี 7.54 ล้านบาท  
  • ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 1,112.44 tonCO2e/ ปี 

2. การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ

นำน้ำกลับมาใช้ใหม่

  • บริษัท พรีเมียร์ แคนนิ่ง อินดัสตรี้ จำกัด มีการบริหารจัดการนำน้ำทิ้งหลังการบำบัดที่มีคุณภาพมาตรฐานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม และกระทรวงสาธารณสุข เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ เช่น นำมารดน้ำต้นไม้ ล้างลานรับวัตถุดิบ และบำบัดอากาศโดยลดเขม่าควันจากการเผาไหม้ของ Boiler  
  • สามารถนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ได้ถึง 41,720 ลบ.ม. / ปี คิดเป็น 50% ของปริมาณน้ำใช้ทั้งหมด 
  • ลดต้นทุนค่าน้ำประปา 709,240 บาท / ปี 
  • ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 33.16 tonCO2e / ปี

3. การบริหารจัดการของเสียในกระบวนการผลิต

โครงการผลิตปุ๋ยจากของเสียในกระบวนการผลิต 

  • บริษัท พี เอม ฟูด จำกัด ได้มีจัดทำโครงการผลิตปุ๋ยจากของเสียในกระบวนการผลิตและเศษอาหารจากโรงอาหาร โดยใช้เครื่องกำจัดขยะเศษอาหาร Composter สามารถผลิตปุ๋ยได้เดือนละ 2,000 กิโลกรัม เพื่อแจกจ่ายให้กับพนักงานที่มีพื้นที่ นำไปใช้ปลูกผักสวนครัว 
  • ช่วยลดค่าใช้จ่ายจากการใช้ปุ๋ยเคมี และแจกจ่ายให้หน่วยงานภายนอกรอบๆ ชุมชน ที่มีแปลงเกษตรปลูกพืชสวนครัวอีกด้วย
  • ผลลัพธ์ ลดของเสียจากกระบวนการผลิตและจากโรงอาหาร ไปสู่ชุมชน ปริมาณ 24 ตัน / ปี  คิดเป็น 100% ของปริมาณของเสียทั้งหมด นำไปผลิตเป็นปุ๋ยได้ 20,098 กก. 
  • ลดค่าใช้จ่ายในการซื้อปุ๋ยเคมี 313,455 บาท

 การผลิตปุ๋ยอินทรีย์จากเปลือกกาแฟ

  • บริษัท มีวนา จำกัด ได้มีการบริหารจัดการเปลือกกาแฟเชอรี่จากกระบวนการผลิต เพื่อนำมาทำเป็นปุ๋ยหมัด เพื่อกลับคืนสู่ดิน เป็นระบบนิเวศอาหารที่หมุนเวียนอย่างสมดุล 
  • ผลลัพธ์  เปลือกกาแฟ 972,400 กิโลกรัม นำกลับไปทำเป็นปุ๋ยอินทรีย์ได้ 126, 910 กิโลกรัม 
  • ลดต้นทุนการซื้อปุ๋ยของเกษตรกร 793,187 บาท

รณรงค์การคัดแยกขยะพลาสติก

  • บริษัทฯ ได้ร่วมกับโครงการขยะชุบชีวิตและกลุ่มคนจริงไม่นิ่งดูดาย ในการคัดแยกขยะ รวม 207 กก. ส่งให้วัดจากแดง นำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ 
  • นอกจากนี้ บริษัท พี เอม ฟูด จำกัด ได้มีการคัดแยกขยะรีไซเคิล รวมจำนวน 4,228 กิโลกรัม เพื่อจำหน่ายและนำรายได้มาใช้ในงานกิจกรรมพัฒนาชุมชน รอบพื้นที่โรงงาน

4. การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก

ในปี 2565 บริษัทฯ ได้มีการส่งเสริมและผลักดันการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในหน่วยงาน และส่งเสริมการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างรู้คุณค่า 

ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 5% หรือ 55.0168 ตัน คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (เทียบกับปีฐาน 2564)

นี่ก็เป็นหนึ่งในความมุ่งมั่นของเราที่จะร่วมรักษาสิ่งแวดล้อม มองหาใช้เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมในการใช้พลังงานทดแทน ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และสร้างการมีส่วนร่วมกับพนักงาน คู่ค้าอย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับห่วงโซ่คุณค่าในการสร้างความสำเร็จร่วมกันอย่างยั่งยืน

Sales Network Development Award

บมจ.พรีเมียร์ โพรดักส์ คว้ารางวัล
Sales Network Development Award 2022

Sales Network Development Award

บมจ.พรีเมียร์ โพรดักส์ คว้ารางวัล
Sales Network Development Award 2022

คุณสมชาย โรจน์อัศวเสถียร กรรมการผู้จัดการ บมจ.พรีเมียร์ โพรดักส์ สายธุรกิจพลังงานสะอาด ได้เข้าร่วมงาน Huawei APAC Fusion Solar Gala Dinner 2023 เมื่อเดือนพ..ที่ผ่านมา ที่เมืองเซินเจิ้น สาธารณรัฐประชาชนจีน ภายในงาน Huawei ได้เป็นเจ้าภาพในพิธีเปิดตัวพันธมิตรพาร์ทเนอร์ระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ร่วมระดมความคิดและแสวงหาโอกาสใหม่ในการสร้างความเติบโตเพื่อความสำเร็จร่วมกันในอนาคต 

โดย บมจ.พรีเมียร์ โพรดักส์ ได้รับรางวัล Sales Network Development Award 2022 ที่เป็นข้อพิสูจน์ถึงการเป็นหุ้นส่วนเชิงกลยุทธ์ระยะยาว ระหว่าง บมจ.พรีเมียร์ โพรดักส์ และผู้ผลิตสินค้าเพื่อพลังงานสะอาดชั้นนำอย่าง Huawe และมุ่งมั่นที่จะมอบสินค้า บริการและประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า พัฒนาคุณภาพและการบริการต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อสร้างพลังงานสะอาดอย่างยั่งยืนสำหรับประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

จากประสบการณ์กว่าทศวรรษและบทพิสูจน์ความสำเร็จจนถึงปัจจุบัน ปีพ.. 2566 นี้ บมจ.พรีเมียร์ โพรดักส์ ยังคงมุ่งเน้นการให้องค์ความรู้และพัฒนาศักยภาพทางด้านเทคนิคให้แก่ผู้ประกอบการทั้งผู้ประกอบการใหม่ที่จะก้าวเข้ามาในธุรกิจพลังงานสะอาดและผู้ประกอบการเดิมที่มีความต้องการที่จะขยายในธุรกิจนี้ เพื่อร่วมกันก้าวข้ามความท้าทายในเรื่องภาวะโลกร้อนและการแก้ปัญหามลพิษต่างๆ ในอากาศ  พร้อมก้าวสู่ความสำเร็จในอนาคตอย่างยั่งยืนร่วมกัน

This site is registered on wpml.org as a development site.