การกำกับดูแลกิจการ
บริษัท พรีเมียร์ ฟิชชั่น แคปปิตอล จำกัด ประกอบธุรกิจเป็นบริษัทลงทุน หรือ Holding Company โดยดำเนินธุรกิจภายใต้ปรัชญากลุ่มบริษัทพรีเมียร์ คือ “ธุรกิจก้าวหน้า พนักงานมั่นคง สังคมยั่งยืน” ซึ่งเป็นคุณค่าหลัก (Core Value)ที่บริษัทยึดถือเป็นแนวปฏิบัติตลอดมาโดยให้ความสำคัญต่อการกำกับดูแล กิจการภายใต้กรอบการบริหารจัดการของการมีจริยธรรมที่ดี มีความโปร่งใสซึ่งสามารถตรวจสอบได้โดยเฉพาะกระบวนการที่เกี่ยวข้องหรือสุ่มเสี่ยงต่อการทุจริตภายในบริษัทรวมถึงการคอร์รัปชันทุกรูปแบบไม่ว่าทางตรงและทางอ้อม บริษัทจึงกำหนดนโยบายด้านการต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชันไว้ดังนี้
1. ห้ามกรรมการ ผู้บริหารและพนักงานของบริษัทและบริษัทในสายธุรกิจดำเนินการหรือยอมรับหรือให้การสนับสนุนการทุจริต คอร์รัปชัน ในทุกรูปแบบทั้งทางตรง และทางอ้อมโดยครอบคลุมถึงบริษัทย่อยทุกบริษัทพร้อมให้การสนับสนุนหรือส่งเสริมผู้มีส่วนได้เสีย ลูกค้า คู่ค้า ผู้รับจ้าง หรือผู้รับจ้างช่วง มีแนวปฏิบัติเช่นเดียวกับบริษัท และกำหนดให้มีการสอบทานการปฏิบัติตาม นโยบายต่อต้านการ ทุจริตคอร์รัปชันนี้อย่างสม่ำเสมอตลอดจนมีการทบทวนแนวทางในการปฏิบัติให้สอดคล้องกับนโยบาย ทั้งระเบียบปฏิบัติ ข้อกำหนด ข้อบังคับ ประกาศ กฎหมาย และการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ
2. มาตรการการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจ และรวมถึงเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของคณะ กรรมการของบริษัท ผู้บริหาร ผู้บังคับบัญชา พนักงานทุกคนทุกระดับ ลูกค้า คู่ค้า ผู้รับจ้าง หรือผู้รับจ้างช่วง ที่จะมีส่วนในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการปฏิบัติเพื่อให้การดำเนินการด้านการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชันบรรลุตามนโยบายที่กำหนด
3. บริษัทพัฒนามาตรการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันให้สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องรวมถึงหลักปฏิบัติด้านจริยธรรมโดย จัดให้มีการประเมินความเสี่ยงในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องหรือสุ่มเสี่ยงต่อการทุจริต และคอร์รัปชันและนำมาจัดทำเป็นคู่มือแนวทาง ในการปฏิบัติแก่ผู้เกี่ยวข้อง
4. บริษัทไม่กระทำหรือสนับสนุนการให้สินบนในทุกรูปแบบทุกกิจกรรมที่อยู่ภายใต้การดูแล รวมถึงการควบคุมการบริจาค เพื่อการกุศล การบริจาคให้แก่พรรคการเมืองการให้ของขวัญทางธุรกิจ และสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ มีความโปร่งใส และไม่มีเจตนาเพื่อโน้มน้าวให้เจ้าหน้าที่ภาครัฐหรือเอกชนดำเนินการที่ไม่เหมาะสม
5. บริษัทจัดให้มีการควบคุมภายในที่เหมาะสม สม่ำเสมอเพื่อป้องกันไม่ให้พนักงานมีการปฏิบัติที่ไม่เหมาะสมโดยเฉพาะอย่างยิ่ง งานด้านการขาย การตลาด และการจัดซื้อ
6. บริษัทจัดให้ความรู้ด้านการต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชันแก่คณะกรรมการบริษัท ผู้บริหาร และพนักงานเพื่อส่งเสริมความซื่อสัตย์ สุจริต และความรับผิดชอบในการปฏิบัติตามหน้าที่รวมถึงสื่อให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัท
7. บริษัทจัดให้มีกลไกการรายงานสถานะการเงินที่โปร่งใสและถูกต้องแม่นยำ
8. บริษัทส่งเสริมให้มีการสื่อสารที่หลากหลายช่องทาง เพื่อให้พนักงาน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสามารถแจ้งเบาะแสอันควรสงสัยโดยมั่นใจได้ว่าผู้แจ้งเบาะแสได้รับการคุ้มครอง โดยไม่ให้ถูกลงโทษโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรมหรือกลั่นแกล้งด้วยประการใด และรวมถึงการแต่งตั้งบุคคลเพื่อตรวจสอบติดตามทุกเบาะแส ที่มีการแจ้งเข้ามา
นโยบายการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันนี้ บริษัทปรารถนาให้บุคลากรของบริษัททุกคน รวมถึงผู้มีส่วนได้เสีย ได้ร่วมมือกันยึดถือปฏิบัติ เพื่อให้เกิดควมยั่งยืนต่อสังคมสืบไป จึงประกาศมาเพื่อทราบและถือเป็นแนวทางปฏิบัติร่วมกันสืบไป
ประกาศ ณ วันที่ 8 เมษายน 2558
นโยบายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
-
วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
- พื่อการขายสินค้า/ผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ และดำเนินกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินค้า/ผลิตภัณฑ์ เช่น การปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาซื้อขาย สัญญาบริการและ/หรือสัญญาอื่นใด เป็นต้น
ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทประมวลผล เช่น- ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ-นามสกุล เลขประจำตัวประชาชน เป็นต้น
- ข้อมูลการติดต่อ เช่น หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล ที่อยู่จัดส่งสินค้า ที่อยู่สำหรับส่งใบแจ้งหนี้ เป็นต้น
- ข้อมูลเกี่ยวกับการเงิน เช่น ข้อมูลเลขบัญชีธนาคาร ข้อมูลบัตรเครดิต เป็นต้น
- เพื่อการประชาสัมพันธ์กิจกรรมทางการตลาดของบริษัท เช่น การแจ้งข่าวสารและสิทธิประโยชน์ การส่งข้อความกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ เป็นต้น
ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทประมวลผล เช่น- ข้อมูลส่วนตัว ชื่อ-นามสกุล เลขประจำตัวประชาชน เป็นต้น
- ข้อมูลการติดต่อ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล ที่อยู่ปัจจุบัน ข้อมูลการติดต่อทางโซเชียลมีเดีย เป็นต้น
- เพื่อใช้ในกระบวนที่เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง เช่น การเข้าทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง สัญญาให้บริการหรือสัญญาอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของบริษัท เป็นต้น
ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทประมวลผล เช่น- ข้อมูลส่วนตัว ชื่อ-นามสกุล เลขประจำตัวประชาชน เป็นต้น
- ข้อมูลการติดต่อ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล ที่อยู่จัดส่งสินค้า ที่อยู่สำหรับส่งใบแจ้งหนี้ เป็นต้น
- ข้อมูลเกี่ยวกับการเงิน เช่น ข้อมูลเลขบัญชีธนาคาร ประวัติทางการเงิน เป็นต้น
-
เพื่อใช้ในกระบวนการที่เกี่ยวกับงานทรัพยากรบุคคล เช่น งานสรรหาและรักษาพนักงาน งานพัฒนาทรัพยากรบุคคล งานพัฒนาคนเก่ง งานระเบียบวินัยบทลงโทษ งานเงินเดือนและสวัสดิการ งานระบบข้อมูลพนักงาน และระบบประเมินผลการปฏิบัติงาน เป็นต้น
ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทประมวลผล เช่น- ข้อมูลส่วนตัว ชื่อ-นามสกุล ชื่อเล่น อายุ เพศ สัญชาติ วันเดือนปีเกิด รูปภาพใบหน้า สถานภาพสมรส สถานภาพทางทหาร วุฒิการศึกษา เลขประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน ข้อมูลในหนังสือเดินทาง ข้อมูลในใบอนุญาตขับขี่ ข้อมูลใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ เป็นต้น
- ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Data) เช่น ศาสนา ข้อมูลลายนิ้วมือ ผลการตรวจสุขภาพ ประวัติอาชญากรรม เป็นต้น
- ข้อมูลการติดต่อ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล ข้อมูลผู้ที่สามารถติดต่อได้กรณีฉุกเฉิน เป็นต้น
- ข้อมูลเกี่ยวกับการเงิน เช่น ข้อมูลเลขบัญชีธนาคาร เป็นต้น
- เพื่อการบริหารจัดการงานทะเบียนผู้ถือหุ้น การดำเนินการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้น และการดำเนินการอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจำกัดหรือกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทประมวลผล เช่น- ข้อมูลส่วนตัว ชื่อ-นามสกุล เลขประจำตัวประชาชน เป็นต้น
- ข้อมูลการติดต่อ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล ที่อยู่สำหรับจัดส่งเอกสาร เป็นต้น
- เพื่อการตรวจสอบดูแลความความสงบเรียบร้อยและป้องกัน หรือระงับเหตุการณ์ใดๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตร่างกายหรือสุขภาพ และทรัพย์สินของบุคคลหรือบริษัท รวมถึงระบบการเข้าออกพื้นที่อาคารและโรงงานของบริษัท
ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทประมวลผล เช่น- ข้อมูลส่วนตัว ชื่อ-นามสกุล เลขประจำตัวประชาชน ทะเบียนรถ ข้อมูลในใบอนุญาตขับขี่ เป็นต้น
- ข้อมูลการติดต่อ หมายเลขโทรศัพท์ เป็นต้น
- ข้อมูลการบันทึกภาพนิ่ง เสียง และภาพเคลื่อนไหว เป็นต้น
- วัตถุประสงค์อื่นใดซึ่งทางบริษัทจะแจ้งให้ทราบและขอความยินยอมในการประมวลผลข้อมูล เว้นแต่เป็นกรณีที่เข้าข้อยกเว้นตามกฎหมายที่ไม่ต้องขอความยินยอม
- พื่อการขายสินค้า/ผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ และดำเนินกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินค้า/ผลิตภัณฑ์ เช่น การปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาซื้อขาย สัญญาบริการและ/หรือสัญญาอื่นใด เป็นต้น
-
การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลกับบุคคลอื่นหรือหน่วยงานอื่น
บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัทในกลุ่มบริษัทพรีเมียร์ พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท
ผู้ให้บริการต่างๆ ที่ให้บริการแก่บริษัท หรือบริษัทที่เกี่ยวข้อง (ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ) รวมทั้งหน่วยงานราชการ หน่วยงานกำกับดูแลหรือหน่วยงานอื่นตามที่กฎหมายกำหนด โดยการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้กับบุคคลอื่นหรือหน่วยงานอื่นนี้ บริษัทจะดำเนินการภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนด หรือวัตถุประสงค์อื่นที่กฎหมายกำหนดให้กระทำได้เท่านั้น โดยบริษัทจะควบคุมดูแลให้มีการรักษาข้อมูลที่มีการเปิดเผยดังกล่าวไว้เป็นความลับและนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้เท่านั้น และในกรณีที่กฎหมายกำหนดว่าต้องได้รับความยินยอม บริษัทจะขอความยินยอมก่อน -
การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทอาจมีการมอบหมายให้บุคคลหรือนิติบุคคล (ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล) ให้ทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลแทนหรือในนามของบริษัท การมอบหมายให้ทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในฐานะผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หรือการอยู่ในฐานะผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้สัญญาต่าง ๆ นี้ บริษัทจะจัดให้มีข้อตกลงระบุหน้าที่ของบริษัทในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและของผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล โดยผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งของบริษัทเท่านั้น รวมถึงต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลพ.ศ. 2562 ในส่วนที่เกี่ยวกับหน้าที่ของผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้นด้วย -
การขอความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
- กรณีที่กฎหมายกำหนดว่าต้องได้รับความยินยอมก่อนทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะดำเนินการขอความยินยอมโดยชัดแจ้งก่อนทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
- กรณีที่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ บริษัทจะดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ ซึ่งรวมถึงการขอความยินยอมจากผู้ที่มีอำนาจกระทำการแทนตามที่กฎหมายกำหนด
-
กรณีที่ไม่ต้องขอความยินยอม บริษัทจะดำเนินการตามฐานทางกฎหมาย ตามที่กฎหมายกำหนดไว้
ซึ่งมีดังต่อไปนี้- กรณีข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่ใช่ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว
- เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญา ซึ่งท่านเป็นคู่สัญญาหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญานั้น
- เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบธรรมของบริษัท หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น
- เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
- เพื่อเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายที่กำหนด
- เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับเพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเพื่อการศึกษา วิจัย และการจัดทำสถิติ
- กรณีข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Data)
- เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกายหรือสุขภาพ ซึ่งไม่สามารถให้ความยินยอมได้ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม
- เป็นข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะด้วยความยินยอมโดยชัดแจ้ง
- เป็นการจำเป็นเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
- เป็นการจำเป็นในการปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในเรื่องตามที่กฎหมายกำหนด
- กรณีข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่ใช่ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว
- ในกรณีที่บริษัททำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเพื่อการปฏิบัติตามสัญญา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านเพื่อเข้าทำสัญญา ซึ่งบริษัทต้องทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว หากไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัทเพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าวอาจมีผลกระทบทางกฎหมายหรือบริษัทอาจจะไม่สามารถทำธุรกรรมหรือให้บริการตามสัญญา หรือไม่สามารถเข้าทำสัญญาได้(แล้วแต่กรณี) ในกรณีดังกล่าวบริษัทอาจมีความจำเป็นต้องยกเลิกธุรกรรมหรือการให้บริการที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือปฏิเสธการเข้าทำสัญญา
-
ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลไว้โดยมีระยะเวลาเท่าที่จำเป็นต่อการดำเนินงานของบริษัทตามที่ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวมา หรือตามระยะเวลาตราบเท่าที่กฎหมายกำหนด -
การจัดเก็บและใช้ข้อมูลคุกกี้ (Browser’s Cookies)
บริษัทจะจัดเก็บและใช้ข้อมูลการเข้าเว็บไซต์ของบริษัทจากผู้เข้าเยี่ยมชมทุกรายผ่านคุกกี้หรือเทคโนโลยีที่ใกล้เคียง เพื่อให้ทราบได้ว่ามีปฏิสัมพันธ์กับเนื้อหาในเว็บไซต์ของบริษัทอย่างไร เพื่อช่วยปรับปรุงพัฒนาประสบการณ์การใช้งานให้ดีขึ้นและต่อเนื่อง โดยเว็บไซต์จะขอให้เบราว์เซอร์จัดเก็บคุกกี้ เพื่อเก็บข้อมูลการเข้าใช้งานเว็บไซต์ ไว้ในคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์โทรศัพท์เคลื่อนที่ คุกกี้ช่วยให้เว็บไซต์ “จดจำ” การกระทำหรือการตั้งค่าของท่านเมื่อเวลาผ่านไป ทั้งนี้เบราว์เซอร์อินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่สนับสนุนการใช้งานคุกกี้ -
สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
ในฐานะเจ้าของของข้อมูลส่วนบุคคล มีสิทธิต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ตามรายละเอียด ดังนี้- สิทธิในการถอนความยินยอม
- สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล
- สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง
- สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล
- สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล
- สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
- สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
- สิทธิในการยื่นเรื่องร้องเรียน หากบริษัทไม่ปฏิบัติตามพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีสิทธิยื่นเรื่องร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่กฎหมายกำหนดทั้งนี้ หากประสงค์ที่จะขอใช้สิทธิ สามารถติดต่อมายังบริษัทตามช่องทางการติดต่อในข้อที่ 10 เมื่อบริษัทได้รับและตรวจสอบคำร้องขอใช้สิทธิดังกล่าวแล้ว บริษัทจะรีบดำเนินการตามคำร้องขอภายในระยะเวลา 30 วันนับแต่วันที่บริษัทได้รับข้อมูลการขอใช้สิทธิ การขอใช้สิทธิในข้อ 7.1-7.7 อาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและ/หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง และมีบางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่บริษัทอาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิข้างต้นได้ บริษัทจะแจ้งเหตุผลให้ทราบ เช่น ต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาลเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือการใช้สิทธิอาจละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น เป็นต้น
-
การรักษาความมั่นคงปลอดภัยในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจึงได้จัดทำและเลือกใช้ระบบการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลให้มีกลไกและเทคนิคที่เหมาะสม และมีมาตรการด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของกฎหมาย ในกรณีที่มีเหตุการณ์ละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล หรือข้อมูลรั่วไหลสู่สาธารณะ บริษัทจะแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลภายใน 72 ชั่วโมง นับแต่ทราบเหตุเท่าที่สามารถกระทำได้ เว้นแต่การละเมิดดังกล่าวไม่มีความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูล ในกรณีที่การละเมิดมีความเสี่ยงสูงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูล บริษัทจะแจ้งเหตุการณ์ละเมิดพร้อมทั้งแนวทางการแก้ไขการดำเนินการให้ทราบ ทั้งนี้บริษัทจะไม่รับผิดชอบความเสียหายใดๆ อันเกิดจากการใช้หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลต่อบุคคลที่สามโดยการกระทำของเจ้าของข้อมูลเอง หรือบุคคลอื่นซึ่งได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล -
การทบทวนนโยบาย
บริษัทจะทำการทบทวนนโยบายอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือกรณีที่กฎหมายมีการเปลี่ยนแปลง -
ช่องทางการติดต่อ
กรณีมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลรวมถึงการขอใช้สิทธิตามนโยบายฉบับนี้ สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้ที่
บริษัท พรีเมียร์ ฟิชชั่น แคปปิตอล จำกัด
เลขที่ 1 พรีเมียร์คอร์เปอเรทปาร์ค ซอยพรีเมียร์ 2 ถนนศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250
โทรศัพท์ : 02-301-1000 E-mail : DPO_PFC@pfc.premier.co.th
ทั้งนี้นโยบายฉบันนี้จะถือเป็นหลักการการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทเพื่อให้มีการปฏิบัติที่สอดคล้องตามกฎหมายว่าด้วยคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
นโยบายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้
ประกาศ ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2565
กลุ่มบริษัทพรีเมียร์ไม่มีนโยบายที่จะมอบหรือรับของขวัญในรูปแบบใดๆ หรือที่เป็นเงินสดกับผู้ทำธุรกิจ กับกลุ่มฯ เว้นแต่ การให้หรือรับของขวัญและการเลี้ยงรับรองตามประเพณีนิยมที่อยู่ในเกณฑ์พอสมควร เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ทำธุรกิจกับกลุ่มฯ โดยไม่หวังที่จะได้รับการบริการหรือสิ่งตอบแทนโดยเฉพาะเจาะจงที่ไม่ถูกต้องตามหลักจรรยาบรรณทางธุรกิจ กลุ่มฯ ห้ามโดยเด็ดขาดในการให้หรือรับของขวัญที่เกินมูลค่าที่เหมาะสมเป็นรูปของค่านายหน้า เงินกู้ยืม ส่วนแบ่งกำไรในหุ้น หรือสิ่งอื่นที่มีลักษณะในทำนองเดียวกัน
การให้หรือรับของขวัญ และการเลี้ยงรับรอง ควรจะต้องอยู่ในเกณฑ์ดังนี้
1. ต้องเป็นไปตามประเพณีนิยม ซึ่งมีธรรมเนียมปฏิบัติอยู่
2. ต้องเป็นไปโดยประมาณ ไม่บ่อยครั้งและเหมาะสมกับโอกาส
3. ต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย ข้อบังคับ และเป็นไปตามจรรยาบรรณและนโยบายของกลุ่มฯ ในเรื่องการขัดแย้งเกี่ยวกับผลประโยชน์