ได้เวลาใจดีกับโลก ด้วยพลังความร่วมมือ เพื่อสร้างความสำเร็จร่วมกันอย่างยั่งยืน

ได้เวลาใจดีกับโลก ด้วยพลังความร่วมมือ สู่ความสำเร็จร่วมกันอย่างยั่งยืน
เราตระหนักรู้ว่าปัญหาของเราคืออะไร แต่สิ่งที่ยังเป็นอุปสรรค คือ เราจะจัดการอย่างไร และเป็นหน้าที่ของใครบ้าง สิ่งนี้เป็นปัญหาใหญ่ที่สุด หากเราสนใจปัญหาต่างๆ ที่กล่าวมา แต่ถ้าตราบใดที่เรายังคิดว่าไม่ใช่หน้าที่เรา เป็นหน้าที่ของคนอื่น เช่น ภาครัฐบาล หรือภาคประชาสังคม แล้วปัญหาสังคมจะได้รับการแก้ไขอย่างไร
คุณวิเชียร พงศธร ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัทพรีเมียร์ ร่วมแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ในงาน Soul Connect 2025 Humanice มหกรรมพบเพื่อนใจ ภายใต้หัวข้อ “SDG Forward Faster ได้เวลาใจดีกับโลก” โดยเชิญวิทยากรจากภาคธุรกิจและภาคสังคม มาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ มุมมอง และความตระหนักถึงสถานการณ์โลก ประเด็นปัญหาเร่งด่วน ที่แต่ละภาคส่วนได้ร่วมกันลงมือทำเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านั้น เพื่อให้เกิดมุมมองการทำงานจากหลายหลายมิติ สามารถเชื่อมต่อและขยายผลได้ ร่วมสนทนาโดย ดร ธันยพร กริชติทายาวุธ ผู้อำนวยการบริหาร UNGCNT คุณวิเชียร พงศธร ประธานกรรมการกลุ่มบริษัทพรีเมียร์ และ คุณท็อป พิพัฒน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความยั่งยืน และ ผู้ก่อตั้ง Platform ECOLIFE ดำเนินรายการ โดย คุณ ธันยมัย Business Editor, The Cloud
คุณวิเชียรกล่าวถึงความจำเป็นและเหมาะสมของการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างความสำเร็จร่วมกันอย่างยั่งยืนทั้งสองด้านคือสังคมและธุรกิจว่า “ทำไมธุรกิจต้องแยกส่วนกับปัญหาสังคม เพราะสังคมก็เป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่ธุรกิจต้องรับผิดชอบ และเราเห็นว่าทรัพยากรของภาคธุรกิจนั้นมีมาก มีบุคลากร ทุนทรัพย์ องค์ความรู้ เราจึงคิดว่าจะนำประโยชน์จากการทำงานภาคธุรกิจมารับใช้สังคม ธุรกิจที่ทำอยู่ต้องบูรณาการทั้งสองส่วนเข้าด้วยกัน ดำเนินธุรกิจที่ส่งผลให้เกิดประโยชน์กับภาคสังคมโดยรวมด้วย เพราะการที่เราทำให้ภาคสังคมมีความเข้มแข็ง มีความยั่งยืนมากขึ้น ก็เป็นการลดความเสี่ยง และให้ประโยชน์ สร้างความยั่งยืนให้กับภาคธุรกิจด้วยเช่นกัน” เป็นการเน้นย้ำถึงความสำคัญของการบูรณาการธุรกิจกับการพัฒนาสังคม เพื่อให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อภาคธุรกิจและสังคมโดยรวม
ช่วงที่ 2 ของการสัมมนา คุณวิเชียรได้มีการชวนผู้เข้าร่วมงานแลกเปลี่ยนว่า ปัญหาเร่งด่วนของสังคมไทยที่เกี่ยวข้องกับทุกๆคนคืออะไรบ้าง ใช่ปัญหาเหล่านี้หรือไม่ เรื่องสิ่งแวดล้อม การศึกษา ปัญหาปากท้อง เศรษฐกิจ การสาธารณสุข ความยุติธรรมในสังคม ธรรมาภิบาล ทุจริตคอร์รัปชัน คุณวิเชียรเชื่อว่าทุกคนคงคิดว่า ทุกเรื่องเป็นปัญหาของสังคมทั้งหมด ที่อยู่ใกล้ตัวของเรา แต่คงมีระดับของความสำคัญที่ใกล้ตัวแตกต่างกัน สอดคล้องกับที่มูลนิธิเพื่อ “คนไทย” ได้มีการทำผลสำรวจ คนไทยมอนิเตอร์ ในปี พ.ศ. 2557 พบว่าปัญหาสังคมตามผลวิจัย นั้นคือเรื่องเดียวกับในปัจจุบัน และดูเหมือนว่าปัญหายังมีความรุนแรงอยู่มาก
เพราะฉะนั้นในความเห็นของคุณวิเชียรเห็นว่า เราตระหนักรู้ว่าปัญหาของเราคืออะไร แต่สิ่งที่ยังเป็นอุปสรรค คือ เราจะจัดการอย่างไร และเป็นหน้าที่ของใครบ้าง สิ่งนี้เป็นปัญหาใหญ่ที่สุด หากเราสนใจปัญหาต่างๆ ที่กล่าวมา แต่ถ้าตราบใดที่เรายังคิดว่าไม่ใช่หน้าที่เรา เป็นหน้าที่ของคนอื่น เช่น ภาครัฐบาล หรือภาคประชาสังคม แล้วปัญหาสังคมจะได้รับการแก้ไขอย่างไร
ดังนั้นเรื่องเร่งด่วนที่ใหญ่ที่สุด คือ การตระหนักรู้ หรือที่เรียกว่า Sense of urgency ความเร่งด่วนที่เราต้องรู้ว่า เราต้องลงมือจัดการกับปัญหานั้น และคิดว่าเป็นเรื่องของทุกคนที่มีบทบาทหน้าที่ในการร่วมกันแก้ไขปัญหาเหล่านั้น และสิ่งที่ต้องทำ คือ การจัดการ สร้างระบบของความร่วมมือ ให้กลายเป็นระบบนิเวศพลังของสังคม เกิดต้นแบบของการสร้างการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ เชื่อว่าทุกคนสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกได้ ผ่านการสร้างพลังพลเมืองที่มีส่วนร่วมเพื่อส่วนรวม (Active Citizen) และ Corporate Citizen ให้เติบโตอย่างเข้มแข็ง
ภายใต้แนวปฏิบัติความสำเร็จร่วมกันอย่างยั่งยืนของกลุ่มบริษัทพรีเมียร์ “Harmonious Alignment of Success” เรามุ่งดำเนินธุรกิจบนหลักธรรมาภิบาล โดยพยายามลดผลกระทบทางลบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ภายในงานคุณวิเชียรได้นำเสนอตัวอย่างกลไกความร่วมมือ อาทิ โครงการกาแฟอินทรีย์รักษาป่า “มีวนา” ซึ่งเป็นความร่วมมือในการอนุรักษ์ผืนป่าต้นน้ำ จ.เชียงราย โครงการร้อยพลังการศึกษา เพื่อขยายโอกาสทางการศึกษาให้เด็กและเยาวชนไทย และกลไกการระดมทุนเพื่อสังคม